
หลายครั้งที่คุณที่กำลังจะย้ายบ้าน ย้ายหอ หรือย้ายออฟฟิศสำนักงาน ภารกิจเหล่านี้อาจทำให้คุณปวดหัวได้ไม่น้อย เพราะนอกจากจะต้องขนย้ายสิ่งของต่างๆ ในปริมาณมากแล้วยังต้องทำการแพ็คและจัดเก็บให้เรียบร้อยก่อนทำการขนย้ายอีก นอกจากนี้การแพ็คของย้ายบ้าน หรืออฟฟิศยังต้องใช้การแพ็คแยกแบบพิเศษเพื่อความปลอดภัยของสิ่งของและทรัพย์สินต่างๆ ซึ่งการที่เราจะขนย้ายของให้มีความราบรื่นนั้น ต้องอาศัยการจัดการที่เป็นระบบและมีประสิทธิภาพ การตัดสินใจเลือกบริษัท รับจ้างย้ายของที่เหมาะสมจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพราะหากเลือกผิดอาจนำมาซึ่งปัญหามากมาย ทั้งทรัพย์สินเสียหาย ค่าใช้จ่ายที่บานปลาย หรือแม้แต่ความล่าช้าที่ไม่คาดคิด บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักข้อควรระวังเมื่อใช้บริการรับจ้างย้ายของ พร้อมทั้งแนะนำวิธีการเลือกบริษัทรับจ้างขนย้ายของที่น่าเชื่อถือ เพื่อให้การย้ายบ้านหรือการขนย้ายของปลอดภัยและราบรื่นที่สุด
ความสำคัญของการเตรียมพร้อมและวางแผนการขนย้ายบ้านที่ดี
ก่อนที่จะเลือกใช้บริการรับจ้างย้ายของ การเตรียมความพร้อมล่วงหน้าถือเป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยให้การย้ายบ้าน หรือการย้ายออฟฟิศเป็นไปอย่างราบรื่น การวางแผนที่ดีจะช่วยลดความเสี่ยงของความเสียหาย ประหยัดเวลา และควบคุมค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นการจัดลำดับสิ่งของที่ต้องแพ็ค การเลือกวัสดุที่เหมาะสม หรือการกำหนดวันที่แน่นอนในการย้าย
หลายครั้งที่คุณมักจะมองข้ามขั้นตอนนี้แล้วรีบหาบริษัทรับจ้างย้ายของทันที แต่แท้จริงแล้วการมีแผนการขนย้ายที่ชัดเจนจะช่วยให้คุณเปรียบเทียบบริการต่างๆ ได้ง่ายขึ้น และเลือกบริษัทที่เหมาะสมที่สุดสำหรับความต้องการของคุณ การเตรียมพร้อมอย่างรอบคอบจึงเป็นกุญแจสำคัญในการทำให้การขนย้ายของปลอดภัยและไม่สะดุด
7 ข้อควรระวังและสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงเมื่อใช้บริการรับจ้างย้ายของ
1. เลือกใช้รถรับจ้างขนของให้ถูกประเภท
โดยทั่วไปแล้วบริษัทรับจ้างมักจะมีรถหลายประเภทสำหรับขนของ เพื่อให้สามารถรองรับการขนย้ายของได้ทุกขนาดตั้งแต่ย้ายบ้าน ย้ายหอ ย้ายออฟฟิศ จนไปถึงย้ายโรงงาน ซึ่งรถที่มีให้ส่วนใหญ่แล้วจะมีรถกระบะตอนเดียว, รถกระบะหลังคาสูง, รถกระบะตู้ทึบ, รถ 4 ล้อใหญ่ไปจนถึงรถ 6 ล้อ ลูกค้าควรตรวจสอบของทั้งหมดที่จะขนย้ายให้ดีก่อนว่าควรใช้รถประเภทใดในการขนย้ายของ หากไม่แน่ใจลองติดต่อสอบถาม หรือแจ้งรายละเอียดของสินค้าที่ต้องการจะขนย้าย กับทีมงานขนย้ายของก่อนตัดสินใจเลือกประเภทรถ เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่เสียเวลาขนย้ายหลายรอบ ซึ่งอาจทำให้ลูกค้าต้องเสียงบประมาณเกินจำเป็นได้
2. การรับประกันความเสียหายและนโยบายการเคลมที่ชัดเจน
สิ่งที่ไม่ควรมองข้ามคือเรื่องการทำประกันความเสียหายในการ ขนย้ายของ เพราะแม้ทีมงานจะมีประสบการณ์ แต่ก็ยังมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุได้ เพราะไม่ว่าจะระมัดระวังแค่ไหน การใช้รถใช้ถนนนั้นอุบัติเหตุย่อมเกิดขึ้นได้เสมอ ดังนั้นบริษัทรับจ้างย้ายของ ที่ดีควรมีนโยบายการรับประกันความเสียหายของทรัพย์สิน ดังนั้นแนะนำว่าควรสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับวงเงินการรับประกันและขั้นตอนการเคลมอย่างละเอียด ว่าหากเกิดอุบัติเหตุแล้วข้าวของเกิดเสียหายขึ้นมาต้องทำอย่างไร ใช้เอกสารอะไรบ้าง หรือมีระยะเวลาในการเคลมนานแค่ไหน เพื่อให้มั่นใจว่าเมื่อเกิดความเสียหายขึ้น คุณจะได้รับการชดเชยอย่างเหมาะสม
3. การแพ็คของไม่ดี ไม่เป็นระเบียบ
การขนย้ายของที่ดีแน่นอนว่าต้องเริ่มวางแผนตั้งแต่การแพ็คของ เพราะหากแพ็คของได้ไม่เรียบร้อย ไม่แยกประเภทสิ่งของก็อาจทำให้ทรัพย์สินของคุณเสียหายตั้งแต่ยังไม่เริ่มเคลื่อนย้ายไปไหน วิธีแพ็คของที่ถูกต้องคือ ต้องแยกประเภทของใช้ให้เป็นหมวดหมู่ เลือกใช้กล่องที่แข็งแรงและมีขนาดเหมาะสมกับสิ่งของประเภทต่างๆ ใช้อุปกรณ์แพ็คที่มีคุณภาพและเขียนป้ายกำกับให้ชัดเจน เพื่อความสะดวกในการแยกของแต่ละประเภทออกจากกัน
4. การประเมินราคาที่โปร่งใสและไม่มีค่าใช้จ่ายแอบแฝง
หนึ่งในปัญหาใหญ่ที่หลายคนเจอคือค่าใช้จ่ายที่บานปลายจากที่ตกลงกันไว้ตั้งแต่แรก ดังนั้น คุณต้องมั่นใจว่าบริษัท รับจ้างย้ายของ ที่คุณเลือกมีการประเมินราคาที่ละเอียดและโปร่งใส โดยระบุรายละเอียดทั้งหมดในใบเสนอราคาอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นจำนวนรถที่ใช้ จำนวนพนักงาน หรือค่าบริการอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น ค่าธรรมเนียมเข้า-ออกคอนโดมิเนียม ค่าบริการในวันหยุด หรือค่าบริการพิเศษหากต้อง ขนย้ายของ ขึ้นชั้นสูงๆ โดยไม่มีลิฟต์ระหว่างชั้นของคอนโด หรือหอพัก
5. ไม่จัดตารางเวลาในการขนย้ายให้ดี
ก่อนที่จะมีการขนย้ายของจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่งแนะนำให้คุณวางแผนเวลาไว้อย่างเหมาะสมหรือคิดว่าก่อนคร่าวๆ ว่าระยะเวลาเท่านี้จะทำอะไรก่อนหรือหลัง รวมถึงประสานงานกับคนที่เกี่ยวข้องในการขนย้ายของให้ครบทุกคนเพื่อความเข้าใจตรงกัน เนื่องจากตารางเวลาผู้ว่าจ้างและรถรับจ้างย้ายของจะได้จัดสรรเวลาได้ตรงกัน และควรสำรองเวลาอื่นๆ เผื่อไว้ด้วย หากเวลาที่เสนอไปครั้งแรกแล้วรถรับจ้างย้ายของไม่ว่างจะได้เลื่อนเวลาออกมาได้โดยไม่ต้องเร่งรีบทั้งสองฝ่าย หลีกเลี่ยงให้เกิดความวุ่นวายและล่าช้าในการทำงานอีกด้วย
6. ไม่วางแผนและเตรียมพื้นที่ปลายทางให้พร้อม
หลายครั้งที่ผู้ว่าจ้างลืมเตรียมพื้นที่ปลายทางสำหรับขนของลง ซึ่งอาจทำให้เกิดการล่าช้าในการลำเลียงของลงมาจากรถเพราะพื้นที่เล็กเกิดไป หรือไม่มีพื้นที่สำหรับว่างสำหรับพักของ อาจจำเป็นต้องประสานงานกับคนที่อยู่พื้นที่ปลายทางให้ช่วยจัดการให้ก่อนที่รถรับจ้างย้ายของจะไปถึง เพื่อหลีกเลี่ยงการเสียเวลาจัดสรรพื้นที่ใหม่ระหว่างการขนย้าย
7. การคัดเลือกบริษัทขนย้ายที่ขาดประสบการณ์หรือไม่น่าเชื่อถือ
การเลือกบริษัทรับจ้างย้ายของที่น่าเชื่อถือเป็นสิ่งสำคัญมาก ควรตรวจสอบประวัติของบริษัทหรือผู้ให้บริการ ว่ามีที่ตั้งชัดเจนหรือไม่ มีประสบการณ์ในงาน รับขนของ มากน้อยเพียงใด รวมถึงดูรีวิวจากลูกค้าเก่าเพื่อยืนยันคุณภาพการให้บริการ ซึ่งอาจเริ่มจากการดูใบอนุญาตประกอบธุรกิจที่ถูกต้อง ดูเว็บไซต์บริษัทว่ามีตัวตนและกำลังดำเนินธุรกิจอยู่จริง หากบริษัทไม่มีที่อยู่จริง ไม่มีเว็บไซต์หรือข้อมูลติดต่อที่ตรวจสอบได้ อาจเสี่ยงต่อการถูกโกงหรือไม่ได้รับบริการตามที่ตกลง
เลือกบริษัทรับจ้างย้ายของที่มีทีมงานมากประสบการณ์ที่ถูกเทรนมาโดยตรงเพื่อการขนย้ายโดยเฉพาะ พร้อมบริการขนย้ายของอย่างปลอดภัยจนถึงจุดหมายปลายทาง ให้บริการตั้งแต่การแพ็คของพร้อมขนย้ายไปยังพื้นที่ปลายทางอย่างมืออาชีพ เพราะเราพร้อมด้วยทีมงานและรถหลากหลายประเภทรองรับการขนย้านตั้งแต่ในประเทศจนถึงต่างประเทศ ลองให้ Allied Thailand เป็นตัวเลือกแรกของคุณ แล้วคุณจะพบว่าการย้ายบ้านก็เป็นเรื่องที่ง่ายและราบรื่นกว่าที่คิด